
ทำงานหนัก อย่าปล่อยให้ความเครียดทำร้ายร่างกาย!
วิตามินบีช่วยได้มากกว่าที่คุณคิด!
แรงกดดันในชีวิตประจำวันส่งผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจทำให้เกิดภาวะที่เรียกว่าความเครียดโดยความเครียดเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย ความเครียด ถือได้ว่าเป็นภาวะที่ต้องให้ความใส่ใจเพราะไม่ได้เห็นได้ชัดเจนเหมือนอาการบาดเจ็บภายนอกร่างกาย จึงทำให้มีวิธีป้องกันและดูแลการรักษาซับซ้อนขึ้นไปอีก เพราะฉะนั้นควรมาทำความรู้จักกับความเครียดให้มากขึ้นกว่าเดิม เพื่อหาวิธีป้องกันและรักษาให้ถูกวิธี
ความเครียดเกิดจากอะไร
เป็นภาวะที่ร่างกายเกิดการปรับตัวไม่ได้โดยจะเกิดขึ้นหลังจากเจอกับความขัดแย้งหรือมีสิ่งที่มากระทบกับร่างกายและจิตใจ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน สาเหตุของความเครียดเกิดขึ้นได้จากหลายเหตุการณ์ในชีวิตประจำวัน เช่น การทำงาน การเรียน ปัญหาครอบครัว
ปัจจัยที่ทำให้เกิด ความเครียด ความเครียดสามารถแบ่งปัจจัยในการเกิดได้ทั้งหมด 2 ปัจจัยใหญ่ ๆ คือ
- ปัจจัยภายใน เกิดจากความรู้สึกภายในร่างกายและจิตใจของตัวเองอย่างการมีโรคประจำตัว เช่น โรคซึมเศร้าหรือโรคทางจิตเวช ผู้ที่มีเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจมาเป็นเวลานาน หรือบุคลิกภาพบางอย่างเช่น มีความวิตกกังวลมาก
- ปัจจัยภายนอก เกิดจากสภาพแวดล้อมรอบตัว แบ่งออกได้ 4 เรื่องหลัก ๆ ดังนี้
- การทำงาน เกิดความกดดันในการทำงานที่มาจากหัวหน้าหรือเพื่อนร่วมงาน การแข่งขันในการทำงานที่สูงทั้งในเรื่องเวลาที่เร่งรีบ การเข้ากันไม่ได้กับเพื่อนร่วมงาน รวมไปถึงแนวทางในการปฏิบัติงานที่ไม่เหมาะกับตัวบุคคล
- ความสัมพันธ์ ความเครียดจากความสัมพันธ์ในที่นี้เป็นความสัมพันธ์ทั้งคนรัก คู่ชีวิต และความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว อาจจะเป็นปัญหาเล็กๆ แต่เรื้อรังกันมานานหรือเป็นปัญหาใหญ่ที่ไม่สามารถหาทางออกได้ รวมถึงความกดดันในเรื่องการเงินในครอบครัว ซึ่งท้ายที่สุดอาจนำไปสู่ความแตกแยกของความสัมพันธ์ได้
- ปัญหาสุขภาพ ความเครียดที่เกิดจากโรคประจำตัวที่รักษาไม่หายหรือรักษามานานแล้วไม่ดีขึ้น ทำให้เกิดความวิตกกังวลและคิดมาก อาการต่างๆที่รบกวนชีวิตประจำวัน รวมถึงอาการที่นอนไม่หลับ หรือหลับ ๆ ตื่น ๆ ทำให้ร่างกายพักผ่อนได้ไม่เพียงพอ จนเกิดปัญหาต่อเนื่องได้
- การเปลี่ยนแปลงในชีวิต เกิดจากการเจอเหตุการณ์ในชีวิตที่เปลี่ยนแปลงกะทันหันหรือไม่ทันได้ตั้งตัว เช่น โดนไล่ออกจากงาน คนในครอบครัวเจ็บป่วย คนในครอบครัวหรือคนรักเสียชีวิต ส่งผลให้เกิดความเครียดมากขึ้นได้เช่นกัน
ความเครียดจากการทำงาน เกิดขึ้นจากอะไร
ต้นเหตุที่ทำให้เกิดความเครียด เกิดจากวิธีการทำงานบางรูปแบบ ดังนี้
- กดดันตัวเอง
- งานที่ออกมาต้องดีที่สุด
- ทำงานทั้งวันทั้งคืน
วิธีการแก้ไขปัญหา คือ
แบ่งเวลาการทำงานให้ดี โดยการแบ่งเวลาในการทำงาน และเวลาในการพักผ่อนให้เหมาะสม
จัดลำดับการทำงานให้เป็นสัดส่วน แบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบให้ชัดเจน และเป็นลำดับขั้นตอน และวางความคาดหวังให้สมดุลระหว่างเวลาและปริมาณงาน
รู้เท่าทันอารมณ์ของตัวเอง เพื่อช่วยให้จัดการแก้ไขอารมณ์ตัวเองได้ดีขึ้น และสามารถนำไปแก้ไขปัญหาในเรื่องการทำงานได้อีกด้วย
ผลกระทบที่เกิดจาก ความเครียด
ด้านร่างกาย ส่งผลให้เกิดอาการเจ็บป่วย เช่น ปวดหัว ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน โรคกระเพาะ ประจำเดือนมาไม่ปกติ ปวดกล้ามเนื้อ ความดันโลหิตสูง เส้นเลือดในสมองแตก ภูมิต้านทานของร่างกายลดลง ทำให้เกิดปัญหาการเจ็บป่วยจากการติดเชื้อได้ง่าย
ด้านจิตใจและอารมณ์ ทำให้เกิดอารมณ์แปรปรวน อารมณ์ร้าย หรือมีอาการซึมเศร้า โดยในจิตใจเต็มไปด้วยความวิตกกังวล หดหู่ ซึมเศร้า หงุดหงิดง่าย รวมไปถึงความรู้สึกขาดความภูมิใจในตนเอง ขาดสมาธิ
ด้านพฤติกรรมในการใช้ชีวิต เช่น เบื่ออาหาร นอนไม่หลับ ร้องไห้ง่าย ไม่อยากทำอะไร ขาดความอดทน เบื่อง่าย ประสิทธิภาพในการทำงานน้อยลง เริ่มปลีกตัวจากสังคม ไม่ดูแลตัวเอง บางคนอาจใช้ความรุนแรงทำร้ายผู้อื่น โดยหากเกิดอาการเหล่านี้หลายคนจะใช้วิธีระบายความเครียดด้วยการดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ใช้ยานอนหลับ หรือใช้สารเสพติด ซึ่งส่งผลให้สุขภาพแย่ลงในระยะยาวได้ด้วยเช่นกัน
วิธีการรักษาอาการที่เกิดจาก ความเครียด
- ปรับเปลี่ยนความคิด ปล่อยวางในเรื่องที่ต้องเจอ ให้รู้ตัวว่าคิดว่าเรื่องอะไรที่ทำให้ไม่สบายใจ จากนั้นให้กลับมามีสมาธิอยู่กับสิ่งที่กำลังทำอยู่ตรงหน้าก่อน
- ดูแลรักษาสุขภาพ
• ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ออกกำลังกายอย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละ 30 นาที ทำให้ช่วยบรรเทาอาการเครียดสะสมได้
• หลีกเลี่ยงสารเสพติด การเสพสิ่งเสพติดในขณะที่เกิดความเครียด อาจจะช่วยบรรเทาได้ช่วงขณะหนึ่ง แต่ส่งผลเสียต่อร่างกายเป็นอย่างมาก เช่น เหล้า บุหรี่ หรือสารเสพติดอื่น ๆ เช่น ยาบ้า กัญชา
• นอนหลับให้เพียงพอ การนอนหลับพักผ่อนให้เหมาะสมกับที่ร่างกายต้องการ ทำให้ร่างกายได้ผ่อนคลายความเครียดและอารมณ์แจ่มใสขึ้น
• รับประทานอาหารมีประโยชน์ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์นอกจากจะช่วยทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังช่วยเสริมให้สภาพจิตใจดีขึ้นด้วย
วิตามินบีรวม วิตามินอื่นๆและแร่ธาตุ ช่วยลดความเครียดด้วยหรอ
วิตามินที่กินแล้วช่วยให้อารมณ์ดี ลดความเครียดได้ก็คือ วิตามินกลุ่มแอนติออกซิแดนต์ทุกตัว เริ่มตั้งแต่วิตามินเอ บี 1-3-5-6-12 ซี อี ส่วนสารอาหารที่มีคุณสมบัตินี้ ได้แก่ กรดแอมิโนจำเป็นชนิดทริปโตเฟน กรดโฟลิกหรือโฟเลต ภาพรวมก็จะคล้ายๆกับวิตามินที่ช่วยฟื้นฟูการนอนน้อย
วิตามินและแร่ธาตุที่โดดเด่น ได้แก่
วิตามินบีรวม ได้แก่ วิตามินบี 1-3-5-6-12 แต่ละชนิดมีคุณสมบัติเด่นดังนี้
วิตามินบี 1 (Thiamine) ช่วยให้สารสื่อประสาทเซโรโทนินหลั่งออกมาเร็วขึ้น บรรเทาอาการซึมเศร้าและวิตกกังวล
วิตามินบี 3 (Nicotinamide) มีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อประสาท ช่วยให้ระบบประสาททำงานปกติ
วิตามินบี 5 (Pantothenic acid) ช่วยบรรเทาความเครียด
วิตามินบี 6 (Pyridoxine) ช่วยสร้างสารต้านการซึมเศร้าในร่างกาย
วิตามินบี 12 (Cobalamin) ช่วยบรรเทาอาการหงุดหงิด เพิ่มสมาธิ และช่วยบำรุงระบบประสาทวิตามินซี จัดเป็นทหารต่อสู้ความเครียดที่ดีที่สุดของร่างกาย เพราะขณะที่เกิดความเครียด เจ็บป่วย ต่อมหมวกไตจะมีการใช้วิตามินซีในการปรับสมดุลร่างกายมากขึ้น ยิ่งมีความเครียดมากเท่าไหร่ ร่างกายก็ยิ่งต้องการวิตามินซีมาเสริมทัพมากขึ้นเท่านั้น เพื่อรับมือกับอันตรายที่มีผลจากกลุ่มฮอร์โมนความเครียด
- วิตามินอี หรือ โทโคฟีรอล (Tocopherol) ช่วยนำออกซิเจนเข้าสู่เซลล์ต่างๆ ในร่างกาย และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของวิตามินเอด้วย เมื่อสมองได้รับออกซิเจนเพิ่มมากขึ้นก็จะทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากเวลาเครียดประสิทธิภาพในการทำงานของสมองส่วนหน้า (Frontal Lobe) จะลดลง การควบคุมอารมณ์และการแสดงออกทางอารมณ์จึงทำได้ไม่ดี มีทั้งโกรธ โมโห ฉุนเฉียว
- สังกะสี (Zinc) ทำหน้าที่ควบคุมระบบประสาทและกระบวนการทำงานในร่างกายให้มีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังช่วยบำรุงเอนไซม์และเซลล์ต่างๆ ควบคุมการหดตัวของกล้ามเนื้อ
- โฟเลต (Folate) หรือ กรดโฟลิก (folic Acid) หรือ โฟเลซิน (Folacin) เป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดงลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ ลดความดันโลหิต ช่วยลดอาการซึมเศร้า และช่วยผ่อนคลายได้
References :
1. Rama Channel รู้ทันความเครียดก่อนจะสายเกินแก้
กรมสุขภาพจิต คัมภีร์การรับประทานวิตามินและแร่ธาตุเพื่อสุขภาพคนวัยทำงาน นอนน้อย เครียด และติดหวาน (ตอนที่ 4